ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

การหมุนทุกจักระใน 1 รอบฝึก

 


     ในบทความนี้เราจะมาทบทวนการหมุนจักระตั้งแต่การเริ่มฟอกบริหารปอด และเริ่มการหมุนจักระที่7 ไปจักระที่3 ไล่ไปจักระที่ 4,5 และ 2,6 กันนะครับ สำหรับบทความในก่อนหน้านี้ท่านที่ยังไม่ค่อยเข้าใจ มาฝึกไปพร้อมๆกันนะครับตามบทความและวิดิโอประกอบบทความด้านล่างได้เลยครับ

ขั้นที่2ฝึกหมุนจักระที่ 7

2.1
ลำดับการหมุนจักระ ให้เริ่มจากจักระที่ 7 เมื่อคุณฝึกฟอกปราณบริหารปอดฯ และหลอดลมสำเร็จแล้ว ให้เริ่มฝึกสมาธิปราณจักระที่ 7 คือทำทุกขั้นตอนเหมือนเดิม แต่เวลาฝึกหมุนจักระให้หลับตาเหมือนนั่งสมาธิ และเปลี่ยนให้แผ่วเบาลง ปล่อยตัวตามสบาย สิ่งที่ต้องเพิ่มเติมคือ เมื่อดึงลมหายใจเข้า ให้จินตภาพว่ามีรัศมีวงกลมสีม่วงกำลังหมุนเวียนไปตามเข็มนาฬิกาที่บริเวณกลางศีรษะ หมุนวนอย่างต่อเนื่อง ไม่ต้องเร็ว หมุนให้เราจับภาพในจินตนาการได้ว่า พลังงานจากห้วงจักรวาลกำลังไหลผ่านรัศมีสีม่วงลงมาตามลมหายใจ และไปสิ้นสุดที่บริเวณท้องน้อยเหมือนเดิม การฝึกขั้นที่สองนี้ ลักษณะมือยังคงอยู่ในท่า ฮาคินีมุทราอยู่อย่างนั้น ทำเช่นเดิมกับขั้นตอนที่ 1 ทุกประการ สิ่งที่เพิ่มขึ้นมาคือจินตภาพที่กำหนดให้ชัดเจนที่สุด และในการจินตภาพทุกครั้ง ให้ผู้ฝึกกำหนดความรู้สึกไปอยู่บริเวณจักระดังกล่าวเสมอ เทคนิคการไล่ความรู้สึกไปตามเส้นปราณจะคุ้นเคยเมื่อทำการฝึกบ่อยครั้งขึ้น กล่าวคือ #รู้สึกว่าหมุนอยู่ตรงนั้น #รู้สึกว่าเคลื่อนจากจุดนั้นไปตามกระดูกสันหลัง #ความรู้สึกจะไล่ไปพร้อมกับลมหายใจ #เคลื่อนเข้าและออกอย่างช้า #สติจับจินตภาพ

สำหรับจักระ 7 แนะนำว่าให้ใช้ฮาคินีมุทรา Hakini Mudra นะครับ เพราะไหลเวียนพลังจากนิ้วทั้ง 5 ได้สมบูรณ์กว่า เหมาะแก่การหมุนจักระ 7 มาก จากประสบการณ์ตรง ถ้าจะเลือกใช้ปราณมุทราสำหรับจักระ 7 ก็ไม่ผิดอะไรครับ แต่ส่วนตัวผู้เขียนคิดว่าปราณมุทราเหมาะแก่การทำสมาธิแบบลึกมากกว่า คือการดำดิ่งไปสู่ห้วงจักรวาล จินตภาพไปว่าเราเป็นส่วนหนึ่งของจักรวาล ประมาณนั้น ในการหมุนจักระแนะนำฮาคินีครับผม


2.2 เมื่อลมหายใจกักอยู่ที่บริเวณท้องน้อย ให้จินตภาพว่า คลื่นพลังงานแม่เหล็กไฟฟ้า กำลังดูแลระบบการทำงานในร่างกาย ให้ความอบอุ่น และหมุนวนไปทั่วเรือนร่าง จังหวะนี้ ยังคงจินตภาพหมุนรัศมีสีม่วงของจักระ 7 ไปตามเข็มนาฬิกาเช่นเดิมนะครับ กักลมไว้ 3-5 วินาทีเช่นเดิม

2.3 เมื่อผ่อนลมหายใจออก เปลี่ยนจากการผ่อนออกทางปากเป็นผ่อนออกทางจมูกอย่างช้า อาจจะนับถอยหลังตามสูตรที่บางคนให้ไว้ก็ได้เช่น ดึงลมเข้า 4 วินาที กักไว้ 4 วินาที ปล่อยออก 8 วินาที สูตรนี้ก็ไม่เสียหาย แต่จากประสบการณ์แล้ว เมื่อเราฝึกจนชำนาญ จะสามารถกักลมได้นานขึ้นอีกเล็กน้อย และผ่อนลมออกได้ยาวขึ้นเล็กน้อย เช่น อาจจะ กักไว้ 5-7 วินาที และผ่อนออกทางจมูก 8-10 วินาที ก็สามารถทำได้ 

ในขณะเดียวกันที่ผ่อนลมหายใจออก ให้จินตภาพว่ารัศมีสีม่วงบนศีรษะ กำลังหมุนทวนเข็มนาฬิกา ไม่ต้องเร่งการหมุน ปล่อยตามธรรมชาติให้สอดคล้องกับการผ่อนลมหายใจ และจินตภาพซ้อนไปว่า พลังงานจากสนามแม่เหล็กไฟฟ้าจักรวาล กำลังแผ่ออกทางศีรษะ กลับคืนสู่จักรวาลอย่างเหลือประมาณ (รับมาอย่างเต็มเปี่ยม และส่งคืนอย่างเหลือประมาณ) ขั้นตอนนี้ให้ใช้จิตเมตตานำทาง เปรียบเสมือนการแผ่เมตตาให้สรรพสัตว์บนผืนโลก และเทคนิคการผ่อนลมหายใจนี้ใช้กับทุกการหมุนจักระในลำดับต่อไปด้วย ดังนั้น ต้องฝึกการหมุนจักระที่ 7 นี้ให้คล่องเสียก่อน ก่อนที่จะไปฝึกหมุนจักระขั้นต่อไป (หมุนจักระ 1 เซ็ต คือทำ 5-10 รอบเท่านั้น)

“ฝึกฌานจักระมุทรา”
2.4 ทำลักษณะเดียวกันนี้ไปเรื่อย ๆ ประมาณ 10 รอบ แล้วสลับกับการฝึกฌานจักระ นั่นก็คือสลับมาดึงลมหายใจแบบปกติไม่ต้องกักลม 3-5 วินาที ดึงลงสุดแล้วผ่อนออกสุดเหมือนการนั่งสมาธิผ่อนคลายโดยทั่วไป ต่างกันที่จินตภาพคือการเพ่งความรู้สึกว่ารับพลังเข้ามาผ่านจักระ 7 มีแสงรัศมีสีม่วงปรากฎในจินตภาพ แสงเหล่านั้นหมุนเวียนเองตามธรรมธาติ เราไม่ได้พยายามเอาจิตเข้าไปหมุนเหมือนตอนหมุนจักระ พลังเหล่านั้นไหลลงสู่ท้องน้อยจนสุด หยุดชั่วขณะหนึ่งก็ผ่อนลมออกช้า ๆ เบา ๆ เหมือนเดิม ไม่ต้องกักลมที่ท้อง เหมือนสูตรหมุน เพ่งอารมณ์ไปตามจักระที่ฝึก และสามารถฝึกได้นานตามที่คุณต้องการ หากผ่านไปแล้วสัก 10 นาที คุณจะสามารถฝึกหมุนจักระ1 เซ็ต ก็สามารถทำได้ และก่อนจบการฝึกปราณทุกครั้ง ให้ทำการฟอกปราณบริหารปอด จบแล้วอย่าพึ่งรีบลุก ให้ร่างกายผ่อนคลายอย่างสมบูรณ์เสียก่อนแล้วจึงค่อยเปลี่ยนอิริยาบถ

     *** ถึงแม้การกลั้นลมหายใจ หรือกักลมดังกล่าว จะเป็นประโยชน์ต่อร่างกาย แต่หากพยายามฝึกเกร็งมากเกินไปกับคนที่ฝึกใหม่ อาจจะส่งผลให้หน้ามืด เวียนศีรษะ หรือมือเท้าชาได้ โดยเฉพาะผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัวยิ่งต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ เช่นโรคหัวใจ, โรคความดันโลหิต, โรคหอบ, โรคภูมิแพ้, โรคหลอดเลือดหัวใจ, เป็นลมพิษบ่อย หรือผู้ที่ต้องใช้ยาเพื่อรักษาอาการทางจิตเวช ฯลฯ เพราะระยะอาการของโรคนั้นแตกต่างกัน คุณจะต้องทำการปรึกษาแพทย์ประจำตัวของคุณเพื่อสอบถามก่อนที่จะตัดสินใจฝึกปราณวิถีในลักษณะหมุนจักระและกักลม แต่คุณสามารถฝึกในรูปแบบฌานจักระได้อย่างผ่อนคลายไม่ฝืนจนเกินไป ทำเท่าที่ร่างกายคุณตอบสนองและรู้สึกดีก็เพียงพอ ***

     แต่สำหรับนักกีฬาที่มีกิจกรรมในการกลั้นหายใจอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอดเช่น นักดำน้ำ หรือนักว่ายน้ำ หรือกิจกรรมบางอย่างที่เมื่อต้องใช้ความอดทนในการทำกิจกรรม ร่างกายจะตอบสนองโดยสั่งให้คุณกลั้นหายใจชั่วขณะแบบอัตโนมัติ เหมือนที่เราจะมักพูดกันเวลาต้องการยกของหนักว่า “อ่าว .. ฮึบ” นั่นคือการที่ร่างกายสูดลมหายใจเข้าและกลั้นหายใจเพื่อยกขึ้น อาจจะเกิดจากการหายใจที่เร็วขึ้นและแรงขึ้น หลังจากนั้นกักลมหายใจไว้เพื่อเพิ่มแรง และผลการวิจัยจาก European Journal of Applied Physiology ก็แสดงให้เห็นว่านักกีฬาที่ผสมผสานการฝึกแบบเข้มข้นร่วมกับการฝึกกลั้นหายใจที่มีประสิทธิภาพ จะสามารถทนทานได้ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

     หรือจากการศึกษาทางวิชาการของ ดร.แอนดรู เวล (Dr.Andrew Weil) นายแพทย์ชื่อดังในประเทศสหรัฐอเมริกา ผู้เชี่ยวชาญแพทย์บูรณาการ (Intergrative Medicine) กล่าวถึงเทคนิคการหายใจแบบ 4-7-8 (สูดลม 4 วินาที, กักลมไว้ 7 วินาที และผ่อนลมออกทางปาก 8 วินาที) ว่าเป็นพื้นฐานของผู้ฝึกปราณายามะในแบบโยคะ ซึ่งช่วยควบคุมลมหายใจให้ช้าลง ปรับสภาวะร่างกายได้ดีขึ้น สามารถช่วยให้นอนหลับง่ายขึ้น

     ถึงแม้จะมีงานวิจัยมากมายกล่าวถึงข้อดีของการฝึกกลั้นหายใจ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าผู้ฝึกจะทำอะไรที่เกินขอบเขตความพอดี ดังนั้น การฝึกในลักษณะฟอกปราณบริหารปอด และการหมุนจักระ จึงควรทำอย่างเหมาะสมสลับกับการฝึกฌานจักระ บางคนอ่านเจอบทความเรื่องกลั้นหายใจมีประโยชน์ช่วยปรับให้ร่างกายใช้ออกซิเจนน้อยลง และความคงทนต่อสภาวะคาร์บอนไดออกไซด์ในเลือดสูงขึ้น จึงทำการฝึกกลั้นหายใจเป็นเวลานาน เช่น 1-3 นาที แบบนั้นอาจไม่ส่งผลดีต่อร่างกายอย่างที่คิด ดังนั้น การฝึกฝนร่างกายให้พอเหมาะพอดีกับพัฒนาการย่อมมีผลสำเร็จที่สุกงอมกว่าการเร่ง การรีบ หรือการพยายามทำเกินตัวนะครับ

ผลจากการฝึกขั้นที่ 2 : จะทำให้สมองปลอดโปร่งขึ้น คิดงาน วางแผนงาน หรือการจัดระเบียบความคิดดีขึ้น รับรู้ถึงคลื่นพลังแม่เหล็กไฟฟ้าที่ไหลผ่านร่างกาย และส่งคืนกลับสู่จักรวาลได้ชัดเจนขึ้น

ขั้นที่ 3 ฝึกหมุนจักระที่ 3

3.1 ใช้หลักการฝึกเบื้องต้นเหมือนการหมุนจักระที่ 7 คือเริ่มจากจินตภาพจากจักระที่ 7 เป็นรัศมีสีม่วงหมุนวน พลังคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าไหลเคลื่อนไปตามแนวกระดูกสันหลังสู่จักระที่ 3 ในขณะเดียวกันดึงลมหายใจลงให้สุดท้องน้อย หน้าท้องพองออกเหมือนเดิม แต่เมื่อดึงลมสุดท้องน้อยแล้ว ในขณะที่กักลม ให้สร้างจินตภาพที่สองขึ้น คือรัศมีสีเหลืองกำลังหมุนตามเข็มนาฬิกาอยู่บริเวณแนวสะดือตัดไปสู่กระดูกสันหลัง ในขณะที่ฝึกจักระ 3 นี้ ลักษณะมืออยู่ในท่วงท่าอัคนีมุทรา Agni Mudra มุทราแห่งไฟ บางตำราเรียกท่านี้ว่าสุริยามุทรา ดังภาพ (จินตภาพหมุนที่บริเวณกระดูกสันหลังแนวเดียวกันนั้น ไม่ใช่หมุนที่สะดือนะครับ) กักลมไว้ 3 -5 วินาทีตามสูตร แล้วค่อย ๆ ผ่อนลมออกทางจมูก)

3.2 ขณะที่ผ่อนลมออก ให้นับเป็นวินาทีก็ได้จะได้สะดวกต่อการฝึก คือ ในขณะที่กักลมไว้หมุนจักระ 3 วินาที ไปตามเข็มนาฬิกาสำเร็จแล้ว ตอนผ่อนลมออก ให้หมุนรัศมีสีเหลืองทวนเข็มนาฬิกาสัก 3 วินาที แล้วในขณะเคลื่อนออกจากจมูกอย่างช้า ก็ให้จินตภาพจับสายลมหายใจออก เลื่อนขึ้นเรื่อย ๆ สัก 2-5 วินาที เลื่อนไปจนสุดที่กลางกระหม่อม เมื่อไปถึงให้หมุนจักระ 7 ให้จินตภาพว่ารัศมีสีม่วงกำลังหมุนทวนเข็มนาฬิกาจนกระทั่งปล่อยลมออกจนหมด จินตนาการถึงพลังที่ส่งกลับคืนสู่ห้วงจักรวาลด้วยความเมตตาเป็นที่ตั้งเหมือนเดิม

3.3 ฝึกลักษณะนี้ตามสูตรคือ ฝึก 1 เซ็ต หมุนจักระ 5-10 รอบ แล้วสลับไปฝึกฌานจักระ เพื่อผ่อนคลายร่างกาย ระยะเวลาการฝึกแล้วแต่ความสะดวก ซึ่งเวลาและสถานที่ของแต่ละคนไม่เหมือนกัน หากเรามีชีวิตในช่วงเวลาที่เร่งรีบ อาจฝึกวันละ 5 นาทีก็เพียงพอ เพื่อให้สามารถจดจำขั้นตอนได้อย่างแม่นยำ และเมื่อมีเวลามากขึ้น หรือสถานที่อำนวยต่อการฝึก คุณก็สามารถเข้าฌานจักระฝึกสลับไปกับการหมุนจักระที่ต้องการ

3.4 เมื่อยุติการฝึกฌานจักระทุกครั้ง ให้ทำการฟอกปราณบริหารปอดฯ ตามขั้นตอนที่ 1 เป็นประจำ เป็นอันเสร็จสิ้นการหมุนจักระ 3

ผลจากการฝึกขั้นที่ 3 : เปิดจุดรับพลังงานที่จักระ 3 ให้ตื่นขึ้นเพื่อดูแลระบบเผาผลาญ การย่อยอาหาร และการดูดซับสารอาหารให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ช่วยเพิ่มการทำงานให้กับระบบย่อยอาหาร ขจัดของเสียออกจากร่างกาย ช่วยในการส่งพลังงาน ATP ไปกักตุนที่จักระ 1 และเซลล์ทุกส่วนของกล้ามเนื้ออย่างสมดุล หรือทรงพลังกว่าคนปกติ

 วิธีการสังเกตว่าจักระเปิดสมบูรณ์หรือไม่ อย่างที่ยกตัวอย่างจักระ 7 หากเปิดสมบูรณ์ ความรู้สึกนึกคิดของคุณจะเปลี่ยนไปทันที จะมีความวูบวาบบริเวณกลางศีรษะเวลาที่ฝึก ซึ่งเป็นเรื่องปกติ เพราะเมื่อจิตสร้างจินตภาพไปจับตรงไหน ความรู้สึกจะชัดเจนตรงนั้น ความวูบวาบนั้นจะมีความอุ่น บางคนจะรู้สึกเหมือนมีถุงร้อนมาประคบ แบบนั้นก็ถือเป็นเรื่องปกติ เมื่อฝึกมาถึงจักระที่ 3 แน่นอนว่าความรู้สึกแบบเดียวกันจะเกิดขึ้นที่จักระ 3 และสิ่งที่สังเกตได้ชัดคือความเปลี่ยนแปลงของร่างกาย ระบบย่อยอาหารจะดีขึ้น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็คงต้องเปลี่ยนพฤติกรรมการกินให้เหมาะสมมากยิ่งขึ้นไปด้วย บางคนคิดว่ากระเพาะอาหารและลำไส้ของฉันถูกดูแลอย่างดีแล้ว ก็ไม่เลี่ยงอาหารที่ไม่มีประโยชน์ มันก็จะเกิดโทษแต่ภายหลังเอาได้ เราไม่จำเป็นต้องงดสิ่งที่ชอบ แต่เราจำกัดสิ่งที่ชอบให้พอเหมาะพอควรได้ เพื่อระบบขับเคลื่อนร่างกายที่มีประสิทธิภาพ

ขั้นที่ 4 ฝึกหมุนจักระที่ 5 และ 4
หลังจากที่คุณฝึกเปิดและบริหารจักระที่ 3 เป็นที่เรียบร้อย ลำดับต่อไปคือ จักระที่ 5 และ 4 ทั้งสองจักระนี้ให้ฝึกร่วมกันเพราะการทำงานของหัวใจและหลอดลมนั้นสัมพันธ์กันอย่างแยกไม่ออก โดยแบ่งการหมุนจักระเป็น 1 ลมหายใจ ต่อ 1 จักระ คุณอาจจะเริ่มจากจักระที่ 5 ก่อน เพราะเป็นต้นทางของลมหายใจ ในขณะที่ฝึกจักระที่ 5 ให้วางมือในท่วงท่าของชุนยะมุทรา Shunya Mudra หรืออากาศมุทรา Akasha Mudra เพื่อหมุนจักระ 5 ต่อเมื่อสิ้นสุด 1 ลมหายใจ ให้ปรับท่วงท่ามาเป็น วายุมุทรา เพื่อหมุนจักระ 4 การฝึกหมุนจักระสลับกันแบบนี้ให้ทำ 1 เซ็ต คือ อย่างละ 5 รอบเท่านั้น


(หมายเหตุ : ให้เลือกใช้มุทราท่าใดท่าหนึ่ง แล้วจำให้ได้ว่าประจำจักระใด)

4.1 ใช้หลักการฝึกเบื้องต้นเหมือนการหมุนจักระ 7 ดึงลมมาให้สุดท้องน้อยเหมือนเดิม จินตภาพรับพลังที่จักระศีรษะเหมือนเดิมทุกประการ หลังจากลมเต็มท้องน้อย ก็ให้เคลื่อนจินตภาพมาอยู่ที่จักระ 5 บริเวณจุดกึ่งกลางระหว่างบ่าสองข้าง ลองเอามือสัมผัสดูจะมีกระดูกที่นูนขึ้นมาเล็กน้อย ให้หมุนบริเวณนั้นนะครับ ไม่ใช่หมุนที่ต้นคอด้านหน้า

4.2 เวลากักลมหายใจอยู่ที่ท้องน้อย เคลื่อนสติไปจับที่จักระ 5 หมุนวนตามเข็มนาฬิกาพอประมาณ 3-5 วิ เท่าที่ร่างกายทำได้ จุดสังเกตเส้นปราณจักระจะวิ่งตามสติของเราไปสู่จุดที่เราต้องการ เราก็สามารถสร้างจินตภาพเพิ่มเติมในเส้นทางการวิ่งเหล่านั้นได้เช่นกันว่า คลื่นพลังกำลังวิ่งอยู่ภายในร่างกายเราแบบไหน หมุนวนตามเข็มนาฬิกาอย่างไร หมุนไปที่อีกจุดหนึ่งอย่างไร และท้ายที่สุดหมุนวนทวนเข็มนาฬิกาออกทางจักระ 7 อย่างไร ไม่ต้องเร่งรีบทำครับ ค่อย ๆ ปรับจินตภาพให้เหมาะสมกับตน

4.3 ทำลักษณะเดียวกันนี้กับจักระที่ 4 ในลมหายใจถัดไป คือสร้างจินตภาพ หมุนวงรัศมีสีเขียวบริเวณกึ่งกลางระหว่างอกสองข้าง ค่อนไปทางข้างหลังนะครับ กะระยะตรงแกนกระดูกสันหลังของเราได้ยิ่งดี หมุนจักระ ที่ 4 บริเวณนั้น และขั้นตอนการหมุน การคืนพลังสู่ห้วงจักรวาลก็ทำเหมือนเดิมอีกเช่นเดียวกัน

    ผลจากการฝึกขั้นที่ 4 : สามารถปรับระบบการหายใจของร่างกายให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น การไหลเวียนโลหิตดีขึ้น เลือดสามารถนำออกซิเจนไปเลี้ยงร่างกายได้มากขึ้นจากการฝึกหายใจเป็นระบบ รวมถึงประโยชน์จากการจินตภาพ จะทำให้เราได้ฝึกสมองไปพร้อมกัน

     วิธีการสังเกตว่าจักระที่ 4-5 ตื่นอย่างสมบูรณ์หรือไม่คือ ทุกครั้งที่เราหายใจ จะรู้สึกได้ถึงความโปร่งโล่งสบายบริเวณปอดและหลอดลม รวมถึงหายใจอิ่มขึ้น ได้รับกลิ่นและรสสัมผัสได้ชัดเจนขึ้นกว่าปกติ แม้กระทั่งเวลาดำเนินชีวิตประจำวัน เมื่อเราหายใจเข้าก็จะรู้สึกวูบวาบที่บริเวณกระดูกสันหลังทั้ง 2 จุด สลับกันไปมาอย่างไม่สิ้นสุด

ขั้นที่ 5 ฝึกหมุนจักระที่ 2 และ 6
ผู้เขียนให้นิยามการฝึกลำดับนี้ว่า “ฝึกจิตสั่งการ” เพราะอย่างที่ทราบกันแล้วว่า จักระที่ 2 นั้น ถูกกระตุ้นให้ตื่นขึ้น ด้วยใจของเราเป็นใหญ่ เวลาที่เราต้องการอะไร อยากให้เกิดอะไรขึ้น เราจะป้อนข้อมูลจากสมอง และไปสนองความต้องการที่จักระ 2 แห่งนี้ และไม่ว่าความต้องการของเราจะเป็นอะไร จักระที่ 2 จะเป็นตัวส่งพลังงานศักดิ์สิทธิ์ไปสู่ระบบร่างกายว่า ฉันต้องการสิ่งนี้ และอวัยวะส่วนนี้ หรือองค์ประกอบเหล่านี้ จะต้องตอบสนองสิ่งที่ฉันต้องการ

     การที่ผู้เขียนใช้คำว่าพลังงานศักดิ์สิทธิ์ตามชื่อจักระที่ 2 เพราะมันเป็นพลังที่นิยามไม่ได้ ถ้าจะถามว่า “มันเป็นเรื่องของความเชื่อใช่ไหม?” ต้องยอมรับครับว่าใช่ เราไม่สามารถนิยามพลังงานแฝงบางอย่างในร่างกายได้เป็นความจริง เพราะถ้าหากเป็นพลังงาน ATP เราสามารถวัดและประมาณค่าได้ทางวิทยาศาสตร์ แต่พลังแฝงบางอย่างของร่างกาย วิทยาศาสตร์อาจจะยังตอบไม่ได้ แต่มนุษย์ทุกคนรับรู้ได้ เวลาที่คุณต้องการทำอะไรจริงจังถึงแม้จะพักผ่อนน้อย แค่เพียงฝืนร่างกายกลับทำให้มันสำเร็จได้อย่างไม่น่าเชื่อ ผู้เขียนจึงนิยามสิ่งนี้ว่า “พลังงานศักดิ์สิทธิ์” หรือจะเรียกแบบศาสตร์จีนก็คือ “พลังชี่” นั่นเอง พอถึงจุดนี้ทุกท่านจะทราบแล้วนะครับว่า พลังชี่จากตันเถียนล่าง คือตัวส่งความปรารถนาที่จะใช้พลังตามที่ใจต้องการ เดี๋ยวเนื้อหาในหมวดปราณชี่ จะทำให้เข้าใจมากขึ้น

     การฝึกหมุนจักระทำเหมือนเดิมทุกประการครับ เพียงแต่เปลี่ยนจุดหมุนช่วงกักลมหายใจ ไปไว้ที่จักระ 2 ก่อน แล้วสลับกับจักระ 6 หมุนวนแบบนี้ไปเรื่อย ๆ ที่จักระ 2 ให้จินตภาพถึงรัศมีสีส้มหมุนตามเข็มนาฬิกาขณะที่กักลมบริเวณท้องน้อย และหมุนทวนเข็มนาฬิกาเมื่อปล่อยลมออกจากจมูก แบ่งการปล่อยลมหายใจเป็น 2 ชั้น คือ ปล่อยออกเริ่มที่ท้องน้อย ไล่ขึ้นไปจนถึงศีรษะเช่นเดิม

     ณ จุดนี้จะต้องมีคำถามแน่นอนว่า แล้วทำไมก่อนหน้าที่ดึงลมไปกักที่บริเวณท้องน้อย ไม่ต้องหมุนจักระที่ 2 ทั้งที่บริเวณท้องน้อยเป็นที่อยู่ของจักระศักดิ์สิทธิ์นี้ คำตอบคือ เราจะหมุน ต่อเมื่อเราต้องการใช้งานจักระนี้จริง ๆ เท่านั้น ถ้าการกักลมหายใจเพื่อหมุนจักระอื่น เราไม่จำเป็นต้องทำครับ จักระที่ 2 จะถูกใช้ ต่อเมื่อมีความต้องการจะใช้บางอย่างเท่านั้น และที่สำคัญ จักระ 2 ไม่จำเป็นต้องใช้กับระบบออโต้อย่างจักระ 3-4-5 ทั้งสามส่วนนี้ทำงานแบบอัตโนมัติตลอด 24 ชม. จักระ 2 ไม่สามารถไปสั่งให้หยุดหายใจ หรือหยุดย่อยอาหารได้ ยกเว้นมนุษย์จะพยายามสั่งจากสมองให้ตัวเองหยุดหายใจ แต่การทำได้นั้นน้อยมาก เพราะระบบร่างกายจะบังคับให้เราต้องหายใจถึงแม้จะกลั้นหายใจจนหมดสติไปแล้ว ร่างกายก็จะกลับมาหายใจเองอีกครั้งตามการสั่งการแบบออโต้ไพลอต (autopilot)


 ในท่วงท่าการฝึกนี้ ให้สลับกันระหว่าง วรุณมุทรา Varun Mudra และญาณมุทรา Gyan Mudra ตรงส่วนนี้สอดคล้องกับหลักความเชื่อทางเวทมนตร์อยู่พอสมควรนะครับ เกี่ยวกับเรื่องพลังจิตวิญญาณและไสยศาสตร์ ว่าเป็นการผสานระหว่างธาตุดินและธาตุน้ำ ดินคือจิตวิญญาณ และน้ำคือทางผ่านของวิญญาณ ซึ่งนั่นก็เป็นเรื่องบังเอิญจากการเลือกใช้มุทราในวิถีปฏิบัติส่วนตัวของผู้เขียนเท่านั้นนะครับ อย่างที่บอกไปแล้วว่า เรื่องของมุทราให้เป็นอิสระในการใช้ ซึ่งมาถึงตรงนี้ ถ้าใครจะมีคำถามว่า

     จากที่อธิบายไปแล้วข้างต้น เมื่อสิ้นสุดลมหายใจ 1 รอบแรก รอบที่สองก็สลับไปสู่จักระที่ 6 ด้วยการหมุนวงรัศมีสีน้ำเงิน ณ บริเวณสมองส่วนหลัง ที่ลิงก์มากลางหน้าผาก อย่างที่บอกไปแล้วนะครับว่า เราจะไม่กำหนดที่จุดกลางหน้าผากในการหมุนจักระนะครับ ไว้จะอธิบายในขั้นถัดไป

     หากถามว่า “ในเมื่อต้องฝึกสองจักระควบคู่กัน แบบนี้ท่ามือทั้งสองข้าง ทำสองมุทราพร้อมกันได้หรือไม่?” คำตอบคือได้ครับ แต่เราจะได้ประโยชน์จากการฝึกน้อยกว่าสลับท่ามือหรือเปล่า เพราะการสลับท่ามือเมื่อผ่อนลมหายใจออกจนสุดไปแล้ว และก่อนที่จะเริ่มกระบวนการหายใจใหม่อีกรอบ จะทำให้สติได้ไปจับกับมุทราในเวลานั้น ถ้าคุณมีความสามารถใช้สติจับมุทราได้ในห้วงเวลาที่บอก ก็สามารถฝึกโดยวางท่วงท่ามุทราทั้งสองมือได้ครับ ไม่เกิดปัญหาแต่อย่างใด มองที่ประโยชน์เป็นหลักนะครับผม

     ผลของการฝึกขั้นที่ 5 : ช่วยเปิดพลังด้านการเห็นภาพ บำรุงระบบประสาทและสายตา จะมองเห็นทุกอย่างได้แจ่มชัดขึ้นทั้งในโลกจริง และโลกทับซ้อน อาจจะเห็นมากกว่าที่ตาเนื้อเห็น หรือได้ยินมากกว่าที่หูคนปกติได้ยิน ซึ่งไม่ต้องคิดว่าเป็นเรื่องแปลกอะไรหากคุณฝึกสำเร็จในขั้นนั้น เพราะทุกสรรพสิ่งเป็นธรรมชาติ ทั้งที่จับต้องได้ และจับต้องไม่ได้ก็ตามที เห็นก็คือเห็น ได้ยินก็คือได้ยิน อย่าไปยึดติด อย่าไปหลงกลทางจิต และอย่าไว้ใจจิตของตน บางทีเราอาจกำลังถูกหลอกจากกลไกทางจิตใต้สำนึกของเราอยู่ก็เป็นไปได้เช่นเดียวกัน ดังนั้น การฝึกในขั้นที่ 5 นี้จะมีความเสี่ยงเรื่องของภาพหลอนที่อาจเกิดจากการปรุงแต่ง หรือพยายามอย่างเข้มข้นที่จะเห็น อยากได้ยิน อยากสัมผัสจนเกินขอบเขต หรือแม้กระทั่งการพยายามบีบกดสมองด้วยการกำหนดความรู้สึกอย่างหนักไปที่จักระ 7 และ 6

     ซึ่งวิธีการฝึกแบบนี้เป็นวิธีที่ผิดนะครับ คุณจะไม่ได้อะไรเลยนอกจากเสียสุขภาพจิต และดีไม่ดีการทำงานของสมองจะมีปัญหาด้วย คุณอาจจะแยกไม่ออกระหว่างภาพจริงหรือภาพที่เกิดจากการมโนขึ้นเพราะปรุงแต่งจิตอย่างผิดเพี้ยน วิธีการแก้ก็คือ ให้มีสติตลอดเวลาในการฝึก ซึ่งสิ่งที่จะช่วยดึงสติคุณได้ในสูตรปราณวิถีนี้ ก็คือมุทราครับ การสลับมุทราจะดึงสติกลับมาที่มือเสมอ และจะไม่ปล่อยให้จิตล่องลอยไปกับสิ่งลวงลี้ลับแต่อย่างใด ช่วยให้ร่างกายปรับสมดุลอย่างถูกต้อง

     นอกจากสิ่งที่กล่าวมานี้ การหมุนจักระที่ 2 และ 6 จะช่วยเสริมด้านพลังความคิดและสติปัญญา การฝึกสำเร็จคือคุณจะมีสติดำรงมั่นอยู่ในสมาธิมุทราไม่หลุดลอยไปตามภาพที่เข้ามาในหัว และผลข้างเคียงคือไออุ่นเวลาหมุนจักระ จะสลับสับเปลี่ยนไปตามรอบระหว่างจักระทั้งสอง และไออุ่นนั้นจะประทับอย่างถาวรอยู่ที่กลางหน้าผาก นั่นหมายความว่า หากคุณเปิดจักระที่ 6 สำเร็จ กลางหน้าผากของคุณจะมีพลังงานหมุนเวียนตลอดเวลา เป็นลักษณะไออุ่นที่คอยกระตุ้นความรู้สึกกลางหน้าผาก เวลาที่กำหนดจิตหรือรู้สึกถึงสัมผัสกลางหน้าผาก ตาที่สามก็จะทำงาน

“การฝึกตาที่สามตามวิชาปราณจักระมุทรา”
กำหนดจิตไปที่หน้าผากก็เท่ากับเป็นการเปิด ปล่อยใจปล่อยกายใช้ชีวิตธรรมดาก็เท่ากับการปิด เวลามองสิ่งใดไปพร้อมกับการกำหนดความรู้สึกที่กลางหน้าผาก หน้าผากจะดึงพลังคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจากห้วงมิติของจักระที่ 6 (บริเวณสมองส่วนหลัง) มาอยู่ที่กลางหน้าผาก เมื่อเราเชื่อมต่อจักระที่ 6 กับจุดตาที่สาม เท่ากับเปิด เมื่อเราปล่อยใจปล่อยกาย ผ่อนลมหายใจด้วยการฟอกปราณบริหารปอดฯ เท่ากับเป็นการปิด

(วิดิโอสาธิตการหมุนทุกจักระใน1รอบฝึก)


 👇💖ช่องทางการสั่งซื้อหนังสือ💘👇
"ปราณวิถี"สูตรลมหายใจบริหารกายจิต



👇💖ช่องทางการสั่งซื้อหนังสือ💘👇

สามารถสนับสนุนหนังสือเกี่ยวกับศาสตร์พยากรณ์, ตำนานและความเชื่อ, ธรรมชาติบำบัดและสุขภาพ ฯลฯ ของผู้เขียน "ไป๋ล่ง" ได้หลายช่องทาง .. ดังนี้






ความคิดเห็น

แนะนำสำหรับคุณ

ศาสตร์ทำนายไพ่ยิปซีระดับสูง The Expert Tarot Guide (เล่ม 3) จบ

  "หนังสือ ศาสตร์ทำนายไพ่ยิปซีระดับสูง The Expert Tarot Guide เป็นเล่มปิดจบของหนังสือคู่มือนักพยากรณ์ไพ่ยิปซี (เล่ม 1) และไพ่ยิปซีชี้ทางรวย (เล่ม 2) ซึ่งเนื้อหาหลักในเล่ม 3 (เล่มจบ) นี้จะเป็นเรื่องการเข้าถึงแก่นแท้ของนักพยากรณ์ และการดึงเอาความสามารถที่หลากหลายจากไพ่ทาโรต์ มาเป็นอุปกรณ์ที่มากกว่าไพ่ทำนาย การทำความเข้าใจความหมายไพ่เมื่อเชื่อมโยงหลักธาตุ รวมถึงใช้ไพ่เพื่อสื่อสารกับสิ่งลี้ลับ หรือไขทุกสิ่งที่อยากรู้" หมายเหตุ : โปรหนังสือคู่มือนักพยากรณ์ไพ่ยิปซี เล่ม 1-2-3 แถมไพ่ชุดฝึกทำนาย 6x10.3 ซม. 1 สำรับฟรีทุกการสั่งซื้อ หนังสือบ้านเราเป็นงานแฮนด์เมด พิมพ์สี Inkjet ทั้งเล่ม เข้าปกแข็งแรงเหมือนเดิม #แถมปกใสทุกเล่ม ตามมาตรฐานสายฮีลบุ๊คสโตร์ ● ซื้อแยกเล่มจำหน่ายเฉพาะหนังสือคู่มือไม่มีไพ่แถม ● ใช้กับไพ่ชุดไรเดอร์เวท หาซื้อได้ตามท้องตลาดทั่วไปตามความต้องการลูกค้า หรือหน้าสินค้าของเรามีไพ่ชุดฝึกทำนาย สำรับละ 80 บาท *ก่อนซื้อไปอ่านต้องรู้* เหมาะกับผู้ที่อ่านไพ่ทาโรต์เป็นแล้วเท่านั้น ไพ่ทาโรต์กับศาสตร์เวทมนตร์พยากรณ์ พิธีชำระไพ่ เพิ่มพลัง ล้างอาถรรพ์ หัวใจของคำถามและคำตอบ การอ่านไ...

คู่มือนักพยากรณ์ไพ่ยิปซี The Tarot Guide (เล่ม 1) ปรับพื้นฐานสู่นักพยากรณ์มืออาชีพ

หนังสือไพ่ยิปซี /คู่มือเล่มนี้ เหมาะสำหรับคนที่ต้องการศึกษาด้วยตนเอง มีตัวอย่างอธิบายวิธีการอ่านไพ่ ในความหมายที่แจกแจกเป็น หมวดรัก หมวดงาน หมวดเรียน หมวดครอบครัว หมวดการเงิน ของทุกหน้าไพ่ ใช้งานง่าย แต่เนื้อหาค่อนข้างอัดแน่น อาจจะมองว่ายาก แต่ถ้าทำความเข้าใจเป็นลำดับจะเห็นภาพมากขึ้น ทักษะลีลาการอ่านหน้าไพ่ของผู้เขียนอาจช่วยให้เกิดประโยชน์แก่ผู้เรียนรู้ จะดูด้วยตัวเอง ดูให้เพื่อน แอบเช็คดวงแฟน หรือพยากรณ์เป็นอาชีพก็สามารถทำได้ตามจริต ปล. แอบเช็คดวงแฟน อาจารย์พูดขำ ๆ นะครับ 555 ส่วนใหญ่ถ้าจิตปรุงแต่งเกินไป ดวงที่ได้ก็จะไม่แม่นยำ ขอให้ใช้วิจารณญาณ หมายเหตุ : โปรหนังสือคู่มือนักพยากรณ์ไพ่ยิปซี เล่ม 1-2-3 แถมไพ่ชุดฝึกทำนาย 6x10.3 ซม. 1 สำรับฟรีทุกการสั่งซื้อ หนังสือบ้านเราเป็นงานแฮนด์เมด พิมพ์สี Inkjet ทั้งเล่ม เข้าปกแข็งแรงเหมือนเดิม #แถมปกใสทุกเล่ม ตามมาตรฐานสายฮีลบุ๊คสโตร์ ● ซื้อแยกเล่มจำหน่ายเฉพาะหนังสือคู่มือไม่มีไพ่แถม ● ใช้กับไพ่ชุดไรเดอร์เวท หาซื้อได้ตามท้องตลาดทั่วไปตามความต้องการลูกค้า หรือหน้าสินค้าของเรามีไพ่ชุดฝึกทำนาย สำรับละ 100 บาท เทคนิคการเรียนรู้ไพ่ยิปซี คือการฝึกอ่านไ...

ไพ่ยิปซีชี้ทางรวย The Tarot Guide 2 Get Rich (เล่ม 2) ทำนายโชคลาภ ทางเลือกธุรกิจ ตรวจพลังงาน

  หนังสือไพ่ยิปซี คู่มือนักพยากรณ์ 2 "ไพ่ยิปซีชี้ทางรวย" The Tarot Guide 2 (Get Rich) เล่มนี้ เป็นภาคต่อจาก "#คู่มือนักพยากรณ์ไพ่ยิปซ๊" The Tarot Guide เล่มแรก ที่ได้รับการตอบในเรื่องของเนื้อหาที่ละเอียด กระชับ ครบถ้วนดีนะครับ ถามว่าเล่มนี้มีอะไรเพิ่มเติม ผู้เขียนขอใช้คำว่าเป็นที่สุดของการใช้ไพ่ยิปซีในการทำนายดวงชะตา สามารถเจาะได้ทุกเรื่อง เสมือนเพื่อนคู่ใจก็ว่าได้ เนื้อหาเด่นจะเป็นเรื่องของการใช้ไพ่พยากรณ์เพื่อธุรกิจ การค้า การตัดสินใจ โชคลาภและการเสี่ยงโชค การปรับพลังบนใบหน้า การปรับพลังของบ้านหรือกิจการ ดังนั้น หนังสือเล่มนี้เหมาะกับคนที่มีพื้นฐานการพยากรณ์มาพอสมควรแล้วอยากจะต่อยอดในเรื่องราวเหล่านี้นะครับ ถ้าไม่มีพื้นฐานเลยจำเป็นต้องศึกษาเล่ม 1 หรือศึกษาด้วยตนเองก่อนเน๊าะ .... หมายเหตุ : โปรหนังสือคู่มือนักพยากรณ์ไพ่ยิปซี เล่ม 1-2-3 แถมไพ่ชุดฝึกทำนาย 6x10.3 ซม. 1 สำรับฟรีทุกการสั่งซื้อ หนังสือบ้านเราเป็นงานแฮนด์เมด พิมพ์สี Inkjet ทั้งเล่ม เข้าปกแข็งแรงเหมือนเดิม #แถมปกใสทุกเล่ม ตามมาตรฐานสายฮีลบุ๊คสโตร์ ● ซื้อแยกเล่มจำหน่ายเฉพาะหนังสือคู่มือไม่มีไพ่แถม ● ใช้กับไ...

รวมหนังสือน่าอ่านของ "ไป๋ล่ง"

💜 รวมผลงานเขียนของ อ.ไป๋ล่ง สนใจเล่มใด <<👇คลิก>> ที่ภาพหนังสือเพื่อดูตัวอย่างเนื้อหาสารบัญและคลิปวีดีโอประกอบได้นะครับ 💜

เซ็ทคู่มือนักพยากรณ์ไพ่ยิปซี (ทาโรต์) หนังสือ 3 เล่ม + ไพ่ชุดไรเดอร์เวท ฟรี !! 1 สำรับ พร้อมใช้งาน 750.- บาทเท่านั้น

ศาสตร์ทำนายไพ่ทาโรต์นั้น มีความเก่าแก่และเป็นที่ยอมรับระดับสากลถึงความแม่นยำ และสะดวกในการพกพา เพียงคุณมีไพ่ทาโรต์สักสำรับ กับผ้าปูรองสวย ๆ ก็สามารถหยิบขึ้นมาตรวจดวงชะตาได้ทันที ผู้ที่สนใจศึกษาใช้เป็นไกด์นำทางชีวิต เป็นที่ปรึกษาส่วนตัว หรือคาดเดาสถานการณ์ล่วงหน้าเพื่อหาตัวเลือกที่ดีที่สุด มักจะเลือกใช้ไพ่ทาโรต์เป็นตัวช่วยเสมอ #คู่มืออ่านไพ่ยิปซีที่ดีที่สุด หากคุณอยากอ่านยิปซี (ไพ่ทาโรต์) แบบเจาะลึก แต่คุณติดปัญหาศึกษาจากตำราหลายเล่มก็ยังไม่เข้าใจ หรือนำไปใช้งานยาก แนะนำจัดเลย คุ้มยิ่งกว่าคุ้ม กับ #โปรโมชั่นชุดเซ็ทหนังสือ3เล่มแถมไพ่ 780.-฿ ได้รับ : หนังสือคู่มือนักพยากรณ์ไพ่ยิปซี ver. 1-2-3 ที่การันตีเรื่องความครบถ้วน กระชับ เข้าใจง่าย และอรรถประโยชน์สูงสุดแก่นักพยากรณ์ ตั้งแต่ระดับฝึกหัดสู่เทคนิคการอ่านไพ่ชั้นสูง เนื้อหาหลักในเล่ม เล่มแรก คู่มือนักพยากรณ์ไพ่ยิปซี (The Tarot Guide) - ปรับพื้นฐานสู่การทำนายผังมาตรฐานทั่วไปแบบมืออาชีพ - เรียนรู้่ระบบไพ่และประวัติศาสตร์การทำนายไพ่ - สามารถตอบได้ทุกคำถาม - รวมตัวอย่างและเทคนิคการอ่านไพ่ต่าง ๆ ให้นำไปพยากรณ์ให้ตนเอง บุคคลรอบข้าง หรือประก...

หนังสือสายมูต้องมนต์ ที่มาความเชื่อแบบพุทธ พราหมณ์ ผี กับแนวทางสู่ความสำเร็จของสายมูเตลู

  ที่มาความเชื่อในวัฒนธรรมไทยทั้งแบบพุทธ พราหมณ์ ผี สู่วิถีปฏิบัติของสายมูเตลูที่แสวงหาความสุข ความสำเร็จ ร่ำรวย รุ่งโรจน์ ในแบบที่ไม่หลงทาง ฝากหนังสือเล่มใหม่ เผื่อใครที่สนใจนะครับ 🔥 📒#สายมูต้องมนต์ 📒🔥 เป็นหนังสือที่อธิบายถึงที่มาที่ไปของความเชื่อทางศาสนาในประเทศไทย ที่หลอมรวมผสมผสานทั้งพุทธ พราหมณ์ ผี จนเป็นวิถีปฏิบัติกราบไหว้บูชาในปัจจุบันแบบแยกไม่ออก ในขณะที่สายมูเตลูอีกหลายคนยังอาจหลงทางในการเข้าวัด ทำบุญ ขอพร หรือแม้กระทั่งการบูชาที่บ้าน เนื่องจากขาดความเข้าใจในวิถีปฏิบัติตามความเชื่อดั้งเดิมของศาสนานั้น "ดังนั้นหนังสือเล่มนี้จึงไม่ใช่หนังสือสอนธรรมะในเชิงการแสวงหาหนทางหลุดพ้นเสียทีเดียว (อย่างน้อยก็ในตอนนี้นะครับ) แต่เป็นแนวทางปรับความเข้าใจ คิดตามได้ ปฏิบัติตามได้ พิสูจน์ผลได้ด้วยตนเอง ให้กับสายมูเตลูที่ยังคงแสวงหาความสุข ความสำเร็จ ความรุ่งโรจน์ และความมั่งคั่งร่ำรวยในทางโลก แบบไม่หลงทาง แนวทางการดึงลมหายใจฟอกปอด และระบบจักระมุทรา ที่สามารถนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันเพื่อสุขภาพที่ดี การดำเนินชีวิตที่มีสติ และมีประสิทธิภาพนั่นเองครับ สำหรับใครใคร่สวดมนตร์ ก็แนะนำบทสวดพ...

ชุดฝึกปราณวิถีครบสูตร หนังสือปราณวิถี 1 เล่ม + ชุดวีดีโอออนไลน์นำฝึก ทั้งระบบจักระและพลังชี่ 350.- บาท

  หนังสือปราณวิถี สูตรฝึกลมหายใจแบบลึกทั้งปราณจักระมุทรา และฝึกพลังชี่ ร่วมกับท่ากายบริหารง่ายๆ ทำได้เองที่บ้าน ฟื้นฟูการทำงานของ ปอด, หัวใจ, สมอง และ 🧘‍ ระบบเผาผลาญพลังงาน เสริมสร้างกล้ามเนื้อและกระดูก หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ประสบปัญหาอ่อนเพลียเรื้อรัง การเผาผลาญต่ำ, น้ำหนักขึ้นง่าย, นอนกรน, เครียด, สมองล้า หรือขาดสมาธิ อาจมีสาเหตุส่วนหนึ่งมาจากการหายใจผิดวิธี จนร่างกายโปรแกรมการทำงานที่ไม่สมบูรณ์ ปัญหาเหล่านี้จะหมดไป หากคุณเริ่มต้น #ฝึกปราณวิถี เพื่อเรียนรู้วิธีหายใจแบบช้าและลึก ประกอบกับการบริหารร่างกายและบริหารจิตไปพร้อมกัน ซึ่งเป็นตัวช่วยที่ดีในการป้อนข้อมูลใหม่ให้แก่ร่างกายอย่างเป็นขั้นตอน และสิ่งเหล่านี้ทีไม่ใช่แค่การดึงลมหายใจให้เป็นเท่านั้น แต่ยังมีเทคนิคที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของร่างกาย ทั้ง 4 ส่วน คือ ระบบสมอง, ระบบหายใจ, การสูบฉีดโลหิต และระบบย่อยอาหาร ฟื้นฟูศักยภาพร่างกายและจิตใจไปสู่ความสำเร็จ

กระแส New Age ผสมผสานศาสตร์พยากรณ์อักษรรูนกับไพ่ทาโรต์ (Runartarot ep.1 ฝึกทำนายอักษรรูนร่วมกับไพ่ทาโรต์ได้อย่างไร)

หนังสือ "อักษรรูน" การใช้รูนพยากรณ์และเกร็ดตำนานนอร์ส Runes Reading and Norse Mythology

  " อักษรรูนส์ " หรือ Runar เป็นอักขระโบราณที่สร้างปาฏิหาริย์ข้ามยุคสมัย ถึงแม้จะถูกลืมไปในบางห้วงเวลา แต่ปัจจุบัน ความนิยมในการนำอักษรรูนส์เพื่อมาใช้ทำนาย หรือกระทั่งผูกเป็นยันต์ทำเวทมนตร์ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายบางประการ ก็ถูกยอมรับอย่างแพร่หลายในยุโรป และเอเชียบางกลุ่ม ความโดดเด่นของอักษรรูนส์คือรูปทรงที่ผสมกันแล้วทันสมัย แปลกตา แต่ดูมีพลัง ทำให้กลุ่มคนที่ชอบรอยสักนิยมสักอักษรรูนส์ หรือทำเป็นเครื่องรางพกติดตัวด้วยความเชื่อเรื่องพลังศักดิ์สิทธิ์จากรูน สำหรับคนที่สนใจเกี่ยวกับศาสตร์อักษรรูนส์ (Runes) วันนี้มีตำรารูนส์มานำเสนอครับ เหมาะสำหรับการเรียนรู้ตั้งแต่พื้นฐาน ประวัติความเป็นมา เกร็ดตำนานนอร์ส ไปสู่การนำรูนมาใช้ในการพยากรณ์ หรือทำนายดวงชะตา สำหรับเล่มนี้ เป็นฉบับปรับปรุงใหม่จากเล่มแรก "รูนส์ อักขระพยากรณ์และการผูกยันต์ร่ายคาถา" เพื่อเป็นการแยกหมวดยันต์ออกไปใส่ในเล่มยันต์ และอัดแน่นเนื้อหาในหมวดพยากรณ์ โดยเพิ่มเติมเทคนิคการพยากรณ์ขั้นสูงใส่ลงไป ซึ่งจะหาผู้เรียบเรียงเรื่องนี้นั้นอาจจะยาก เพราะเกิดจากการบ่มเพาะประสบการณ์ และความเข้าใจที่มากพอ ดังนั้น ผู้ที่ได้ศึกษ...

หนังสือ "ยันต์รูน" เมจิกคอลสเตฟส์และการออกแบบไบนด์รูนพร้อมใช้ Bind Runes and Staves

  " อักษรรูนนั้น " เป็นอักขระที่ถูกจารึกไว้ด้วยเวทมนตร์ ด้วยพลังพิเศษที่ได้รับถ่ายทอดมาจากห้วงจักรวาล ผ่านสื่อกลางคือมหาเทพองค์ปฐมศาสนาอาซาทรูโบราณ อันเป็นที่เคารพของชาวนอร์ส จึงมีการผูกยันต์เพื่อน้อมรับ หรือดึงเอาพลังในมิติต่าง ๆ เหล่านั้นเข้ามาใส่ตน เพื่อประโยชน์ในการดำเนินชีวิต ตำราเล่มนี้ บรรจุเนื้อหาทั้งหมดเกี่ยวกับเวทมนตร์นอร์ส ไม่ว่าจะเป็นสัญลักษณ์เชิงเวทมนตร์ เมจิกคอลสเตฟส์ หรือที่เรียกว่า รูนสเตฟส์ การออกแบบยันต์ตั้งแต่เริ่มต้นพื้นฐาน ไปถึงเนื้อหาของการใช้ยันต์ตามหลักธาตุ ซึ่งคงไม่มีตำราเล่มไหนในเมืองไทยออกแบบไว้ครบถ้วนสมบูรณ์เท่าเล่มนี้ อีกทั้งยังมีไบนด์รูน (bine runes) พร้อมใช้ ที่มีคำอธิบายเชิงเวทมนตร์ไว้ให้ทุกยันต์ สามารถนำไปฝึกวาด ฝึกใช้งาน หรือจะต่อยอดด้วยการออกแบบในสไตล์ของคุณเองได้อีกด้วย งานพิมพ์ #รูปเล่มพิมพ์สี Inkjet ตามภาพตัวอย่างนะครับ เป็นงาน Handmade อีกเช่นเคย อาจจะไม่สวยเป๊ะปังเหมือนโรงพิมพ์ครับ ท่านจะได้อะไรจากหนังสือเล่มนี้ 1. เรียนรู้สัญลักษณ์และยันต์นอร์สรูปแบบต่าง ๆ 2. การใช้เวทมนตร์ตามหลักธาตุสัมพันธ์ 3. ฝึกออกแบบยันต์รูนด้วยตนเอง 4. นำยันต์รูน...